Disable Right Click on Website Using JavaScript

🌟 เรามาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษกันนะครับ 🌟

ภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่สำหรับสอบในชั้นเรียน แต่ยังเป็นทักษะสำคัญสำหรับโลกยุคใหม่
มาเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านการฝึกฝนที่สนุกสนาน เข้าใจง่าย และเหมาะกับเด็กทุกคน!

🌟 เล่มที่ 1 ประเภทต่างๆ ของคำในภาษาอังกฤษ 🌟

กรุณาเลือกปุ่มสีเหลืองปุ่มใดปุ่มหนึ่งด้านล่างเพื่อดูเนื้อหาภายใน

🟦 Verb
🟩 Adjective
🟨 Adverb
🟥 Noun
🟪 Pronoun
🟫 Preposition

🟦 Verb คำกริยา

image description

Verb (คำกริยา) คือคำที่ใช้บอกการกระทำหรือสภาวะ/เหตุการณ์
เช่น run (วิ่ง), eat (กิน), jump (กระโดด)

คำกริยาช่วยตอบคำถามว่า ใครทำอะไร
รูปของคำกริยา (tense) บอกได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เมื่อไหร่
ส่วนคำวิเศษณ์ (adverb) ที่มักวางคู่กับคำกริยา จะช่วยบอก อย่างไร (How)

  • Action – การกระทำที่มองเห็นได้
    run (วิ่ง), write (เขียน)
    • I run fast. (ฉันวิ่งเร็ว)
    • She writes a note. (เธอเขียนโน้ต)
  • State – สภาพหรือความรู้สึกของประธาน
    be (เป็น/อยู่/คือ), feel (รู้สึก)
    • I am happy. (ฉันมีความสุข)
    • He feels tired. (เขารู้สึกเหนื่อย)
  • Event – เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
    rain (ฝนตก), start (เริ่ม)
    • It rains. (ฝนตก)
    • The game starts. (เกมเริ่ม)

แบบฝึกหัดสำหรับการท่องคำกริยา

🟨 Adverb คำวิเศษณ์

คำวิเศษณ์ (Adverb) คือคำที่ทำหน้าที่ขยายคำกริยา (verb), คำคุณศัพท์ (adjective), หรือคำวิเศษณ์ (adverb) อื่น เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะอาการ (manner), เวลา (time), สถานที่ (place), ระดับความเข้มข้น (degree), หรือความถี่ (frequency) ของการกระทำหรือคุณสมบัตินั้นๆ

1. คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ (Adverbs of Manner)

image description

🌟คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ (Adverbs of Manner) คืออะไร?

คำวิเศษณ์กลุ่มนี้จะบอก “ลักษณะ” หรือ “วิธีการ” ที่การกระทำเกิดขึ้น
มักจะตอบคำถามว่า ➡️ “อย่างไร?” (How?)

🧠 ตัวอย่างคำถาม

  • เขาวิ่ง อย่างไร?
  • เด็กทารกนอนหลับ อย่างไร?
  • เธอยิ้ม อย่างไร?

📋 คำศัพท์ที่พบบ่อย

คำศัพท์ (Adverb) ความหมาย ใช้กับกริยา ตัวอย่างประโยค คำแปล
quickly อย่างรวดเร็ว runs The rabbit runs quickly. กระต่ายวิ่งอย่างรวดเร็ว
slowly อย่างช้าๆ walks The turtle walks slowly. เต่าเดินอย่างช้าๆ
happily อย่างมีความสุข smiles The girl smiles happily. เด็กผู้หญิงยิ้มอย่างมีความสุข
sadly อย่างเศร้า looks He looks at the broken toy sadly. เขามองของเล่นที่พังอย่างเศร้า
loudly อย่างดัง shouts The boy shouts loudly. เด็กผู้ชายตะโกนอย่างดัง
quietly อย่างเงียบ sleeps The baby sleeps quietly. เด็กทารกนอนหลับอย่างเงียบ ๆ

💡 เคล็ดลับสำหรับเด็ก

คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการในภาษาอังกฤษ มักเติม -ly ที่ท้ายคำ
เช่น quick → quickly, slow → slowly, happy → happily, loud → loudly เป็นต้น

🛑 แต่บางคำอาจสะกดพิเศษ เช่น
- happy → happily (เปลี่ยน y → i ก่อนเติม -ly)

⏰2. คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time) คืออะไร?

คำวิเศษณ์บอกเวลา คือคำที่ใช้เพื่อบอกว่า การกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ตอบคำถามว่า ➡️ When? = เมื่อไหร่?

🧠 ตัวอย่างคำถาม

  • เธอไปโรงเรียน เมื่อไหร่?
  • พวกเราเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อไหร่?
  • เขาดูหนัง เมื่อวาน หรือเปล่า?

📋 คำศัพท์คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ใช้บ่อย

คำศัพท์ (Adverb) ความหมาย ใช้กับกริยา ตัวอย่างประโยค คำแปล
now ตอนนี้ are studying We are studying English now. พวกเรากำลังเรียนภาษาอังกฤษตอนนี้
then ตอนนั้น was playing I was playing in the park then. ฉันกำลังเล่นอยู่ในสวนสาธารณะตอนนั้น
soon เร็วๆ นี้ will start The movie will start soon. หนังจะเริ่มเร็วๆ นี้
today วันนี้ go I go to school today. ฉันไปโรงเรียนวันนี้
yesterday เมื่อวาน watched We watched cartoons yesterday. พวกเราดูการ์ตูนเมื่อวาน

💡 เคล็ดลับสำหรับเด็ก

🔹 คำวิเศษณ์บอกเวลา สามารถวางไว้ที่ ท้ายประโยค
เช่น: I eat lunch now.

🔸 หรือ หน้าประโยค ก็ได้ในบางกรณี
เช่น: Yesterday, I played football.

📌 คำวิเศษณ์กลุ่มนี้ช่วยให้ประโยคบอกเล่า ชัดเจน และ เข้าใจง่าย ว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่

3. คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverbs of Place)

คำวิเศษณ์บอกสถานที่จะบอก “ที่ไหน” (Where?) ว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้น ณ ตำแหน่งใด มักใช้ตามหลังคำกริยาโดยไม่ต้องมีกรรม (object) ต่อท้าย
  • here (ที่นี่)
    Please come here.
    แปล: “กรุณามาที่นี่”
    ถาม “มาที่ไหน?” → “ที่นี่”
  • there (ที่นั่น)
    The book is there.
    แปล: “หนังสืออยู่ที่นั่น”
    ถาม “อยู่ที่ไหน?” → “ที่นั่น”
  • inside (ข้างใน)
    The cat is sleeping inside.
    แปล: “แมวกำลังนอนหลับข้างใน”
    ถาม “นอนหลับที่ไหน?” → “ข้างใน”
  • outside (ข้างนอก)
    The children are playing outside.
    แปล: “เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ข้างนอก”
    ถาม “เล่นที่ไหน?” → “ข้างนอก”

ความแตกต่างระหว่าง Adverb of Place กับ Preposition

Adverb of Place Preposition + Object
โครงสร้าง กริยา + คำวิเศษณ์ กริยา + บุพบท + คำนาม/สรรพนาม
ตัวอย่าง She sits here.
(เธอนั่งอยู่ที่นี่)
She sits on the chair.
(เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้)
คำถามที่ตอบ “ที่ไหน?” “ที่ไหน?” พร้อมชื่อสถานที่ชัดเจน

กรณีมี “to + กริยา” ตามหลัง

เมื่อคำวิเศษณ์บอกสถานที่ตามด้วย to + กริยาช่องหนึ่ง เพื่อแสดงจุดประสงค์ คำวิเศษณ์ยังคงทำหน้าที่บอก “ที่ไหน” ส่วน “to …” บอก “เพื่ออะไร”
The dog runs forward to greet its owner.
forward = ทิศทาง “ไปข้างหน้า” (adverb of place)
to greet its owner = จุดประสงค์ “เพื่อทักทายเจ้าของ”

สรุป

  • Adverb of Place บอก “ที่ไหน” โดยไม่ต้องมีกรรมตามหลัง
  • Preposition ต้องมีกรรม (object) ตามหลัง เพื่อบอกตำแหน่งให้ชัดเจน
  • เมื่อมี to + กริยา ตามหลัง Adverb of Place ยังทำหน้าที่เดิม แต่มีวลีบอกจุดประสงค์เพิ่มเติม
ตัวอย่างเพิ่มเติม:
She waits here to see the show.
They swim outside to enjoy the sun.

4. คำวิเศษณ์บอกระดับความเข้มข้น (Adverbs of Degree)

คำวิเศษณ์กลุ่มนี้ใช้เพื่อบอกว่าคำคุณศัพท์ (adjective) หรือคำวิเศษณ์ (adverb) อื่น ๆ นั้นมีระดับมากน้อยแค่ไหน เช่น:
  • very (มาก) – “The flower is very beautiful.” (ดอกไม้นั้นสวยมาก)
  • quite (ค่อนข้าง) – “He is quite tall.” (เขาค่อนข้างสูง)
  • too (เกินไป) – “She is too young to drive.” (หล่อนยังเด็กเกินไปที่จะขับรถ)
  • so (มากจน...) – “It was so hot that I stayed inside.” (อากาศร้อนมากจนฉันอยู่ในบ้าน)

การเปรียบเทียบคำที่คล้ายกัน

  • very = มาก → ใช้เน้นความรู้สึกหรือคุณสมบัติ
    He is very tired. = เขาเหนื่อยมาก
  • quite = ค่อนข้าง → ระดับกลางๆ
    She is quite clever. = เธอค่อนข้างฉลาด
  • too = มากเกินไป → มีความหมายด้านลบหรือไม่เหมาะสม
    The bag is too heavy to carry. = กระเป๋าใบนี้หนักเกินไปที่จะถือ
  • so = มากมาก → มักตามด้วยคำว่า “that...” เพื่อบอกผลลัพธ์
    He was so sleepy that he fell asleep in class.
    = เขาง่วงมากจนเผลอหลับในห้องเรียน

สรุประดับความเข้มข้น

  • quite → ระดับกลาง (positive)
  • very → ระดับสูง (positive)
  • so → สูงมาก และมีผลตามมา
  • too → เกินไป (เชิงลบหรือมากเกินเหมาะ)

🌟5. คำวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of Frequency) คืออะไร?

คำวิเศษณ์กลุ่มนี้ใช้บอกว่า “บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน”
ภาษาอังกฤษจะตอบคำถามว่า "How often?" = บ่อยแค่ไหน?

เช่น
- เธอไปเที่ยวทะเลบ่อยไหม? (Does she go to the beach often?)
- เขากินผลไม้บ่อยไหม? (Does he eat fruit often?)

🔢 คำวิเศษณ์ที่ใช้บ่อย (เรียงตามความถี่มาก → น้อย)

  • always – เสมอๆ / เป็นประจำ – 100%
  • usually – โดยปกติ / ส่วนใหญ่ – 80–90%
  • often – บ่อยๆ – 60–70%
  • sometimes – บางครั้ง – 30–50%
  • rarely – ไม่ค่อยจะ... – 10–20%
  • never – ไม่เคย – 0%

📝 ตัวอย่างประโยคพร้อมคำแปล

  • 1. always (เสมอๆ)
    🔹 I always brush my teeth before bed.
    ฉันแปรงฟัน เสมอๆ ก่อนนอน
    → ทำทุกวัน ไม่เคยพลาด
  • 2. usually (โดยปกติ)
    🔹 He usually walks to school.
    โดยปกติ เขาเดินไปโรงเรียน
    → ส่วนใหญ่ใช้วิธีเดิน บางครั้งอาจไม่ได้เดิน
  • 3. often (บ่อยๆ)
    🔹 They often play football in the park.
    พวกเขาเล่นฟุตบอลที่สวนสาธารณะ บ่อยๆ
    → อาจเป็นหลายครั้งต่อสัปดาห์
  • 4. sometimes (บางครั้ง)
    🔹 She sometimes eats ice cream after dinner.
    บางครั้งเธอกินไอศกรีมหลังอาหารเย็น
    → ไม่กินทุกวัน แต่อาจกินเมื่ออยากกิน
  • 5. rarely (ไม่ค่อยจะ...)
    🔹 We rarely watch TV on weekdays.
    เรา ไม่ค่อยดูทีวี ในวันธรรมดา
    → อาจดูแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือน้อยมาก
  • 6. never (ไม่เคย)
    🔹 He never tells lies.
    เขา ไม่เคยโกหก
    → ซื่อสัตย์เสมอ ไม่โกหกเลย

💡 สรุปสั้นๆ สำหรับเด็ก

  • ถ้าเราทำทุกวัน → ใช้ always
  • ถ้าทำเกือบทุกวัน → ใช้ usually
  • ถ้าทำหลายครั้ง → ใช้ often
  • ถ้าทำบ้างเป็นบางครั้ง → ใช้ sometimes
  • ถ้าทำน้อยมากๆ → ใช้ rarely
  • ถ้าไม่เคยทำเลย → ใช้ never

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ประเภทต่าง ๆ

🟥 Noun คำนาม

image description

✅ การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (Singular to Plural Nouns)

🌟 1. คำนามที่เติม -s หรือ -es (Regular Plural Nouns)

คำนามส่วนใหญ่สามารถเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ได้ง่าย ๆ โดยการเติม -s ที่ท้ายคำ เช่น:

  • cat → cats (แมว → แมวหลายตัว)
  • dog → dogs (หมา → หมาหลายตัว)
  • car → cars (รถ → รถหลายคัน)

หากคำลงท้ายด้วย ch, sh, s, x, z ให้เติม -es เช่น:

  • watch → watches (นาฬิกา → นาฬิกาหลายเรือน)
  • branch → branches (กิ่งไม้ → กิ่งไม้หลายกิ่ง)
  • quiz → quizzes (แบบทดสอบ → แบบทดสอบหลายข้อ)
  • box → boxes (กล่อง → กล่องหลายใบ)
  • dish → dishes (จาน → จานหลายใบ)

📦 กฎการเติม -es เมื่อคำลงท้ายด้วย o

หากคำลงท้ายด้วย o และเป็นสิ่งของหรือสิ่งไม่มีชีวิต ให้เติม -es เช่น:

  • tomato → tomatoes
  • potato → potatoes
  • mango → mangoes

แต่มีบางคำที่ลงท้ายด้วย o และเติม -s เช่น:

  • zoo → zoos
  • piano → pianos
  • photo → photos

📦 กฎการเติม -s หรือ -es เมื่อคำลงท้ายด้วย y

หาก y หน้าเป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i และเติม -es เช่น:

  • baby → babies
  • lady → ladies

หาก y หน้าเป็นสระ ให้เติม -s ได้เลย เช่น:

  • toy → toys
  • key → keys

🌟 2. คำนามที่ไม่เติม -s หรือ -es (Irregular Plural Nouns)

คำนามบางคำไม่สามารถเติม -s หรือ -es ได้ แต่ต้องเปลี่ยนรูป เช่น:

  • man → men
  • woman → women
  • child → children
  • tooth → teeth
  • foot → feet
  • mouse → mice

🌟 3. คำนามที่รูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน

คำเหล่านี้ไม่ต้องเปลี่ยนรูป เช่น:

  • sheep → sheep
  • fish → fish
  • deer → deer

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำนาม

สำหรับแบบฝึกหัดเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ชุดที่ 1 ถึงชุดที่ 6นั้น โจทย์จะแสดงคำนามเอกพจน์ แล้วให้เด็ก ๆเติมคำพหูพจน์ที่ถูกต้องลงในช่องว่าง

🟪 Pronoun คำสรรพนาม

image description

Pronoun (คำสรรพนาม) คือคำที่ใช้แทน Noun (คำนาม)
เพื่อไม่ต้องพูดชื่อซ้ำ ๆ ทำให้ประโยคสั้น กระชับ และฟังง่าย

Pronoun หลักที่ควรรู้

  • I (ฉัน/ผม) – พูดแทนตัวเราเอง
  • you (คุณ/เธอ) – เอกพจน์ พูดกับคนเดียว
  • he (เขา – ผู้ชาย)
  • she (เธอ – ผู้หญิง)
  • it (มัน) – แทนสัตว์หรือสิ่งของ
  • you (พวกคุณ) – พหูพจน์ พูดกับหลายคน
  • we (พวกเรา) – ตัวเรา + เพื่อน
  • they (พวกเขา/พวกมัน) – คนหรือสิ่งของหลายอย่าง

ประโยคตัวอย่างง่าย ๆ

  • I like apples. (ฉันชอบแอปเปิล)
  • She is my sister. (เธอเป็นพี่สาวของฉัน)
  • Tom is tired. He needs a rest. (ทอมเหนื่อย เขาต้องพัก)
  • Mom calls us. (แม่เรียกพวกเรา)

จำง่าย ๆ: ใช้ Pronoun แทนชื่อซ้ำ ๆ เช่น “Lisa is kind. She helps me.” จะได้ไม่ต้องพูดชื่อ Lisa อีกครั้งครับ!

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Pronoun

🟫 Preposition บุพบท

image description

📍 คำบุพบท (Prepositions) คืออะไร?

คำบุพบท คือคำที่ใช้เพื่อบอกว่า
- สิ่งของอยู่ตรงไหน
- เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่
- หรือสิ่งต่างๆ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร

คำบุพบทมักอยู่หน้า คำนาม หรือ สรรพนาม และใช้บอกตำแหน่ง / เวลา / ความสัมพันธ์

🧠 ตัวอย่างการใช้คำบุพบท

  • ลูกบอลอยู่ ใน กล่อง
  • แมวอยู่ ใต้ โต๊ะใช่ไหม?
  • คุณไปโรงเรียน เมื่อไหร่?

📦 ตารางคำบุพบทที่พบบ่อย

คำ (Preposition) ความหมาย ตัวอย่างประโยค คำแปล
in ใน The ball is in the box. ลูกบอลอยู่ในกล่อง
on บน The book is on the table. หนังสืออยู่บนโต๊ะ
under ใต้ The cat is under the chair. แมวอยู่ใต้เก้าอี้
next to ข้างๆ I sit next to my friend. ฉันนั่งข้างๆ เพื่อน
behind ข้างหลัง The dog is behind the door. สุนัขอยู่ข้างหลังประตู
in front of ข้างหน้า She stands in front of the class. เธอยืนอยู่หน้าห้อง
above เหนือ (ไม่สัมผัสพื้นผิว) The clock is above the door. นาฬิกาอยู่เหนือประตู
between ระหว่าง (ใช้กับ 2 สิ่งเท่านั้น) The cat is between two boxes. แมวอยู่ระหว่างกล่องสองกล่อง
at ที่ / เวลา We meet at 8 o’clock. เราเจอกันตอน 8 โมง

🔍 ข้อสังเกตน่ารู้

  • on = บนแบบสัมผัส เช่น หนังสือวางอยู่บนโต๊ะ
  • above = อยู่ข้างบนแต่ไม่แตะ เช่น โคมไฟแขวนเหนือโต๊ะ
  • between = ระหว่างของ 2 สิ่ง (แต่ถ้ามากกว่า 2 ใช้ among)

💡 เคล็ดลับจำง่ายสำหรับเด็ก

🔸 คำว่า in, on, under ใช้บอกตำแหน่งของสิ่งของ
🔸 คำว่า at ใช้บอกเวลา หรือสถานที่
🔸 คำว่า above, behind, next to, between ใช้บอกความสัมพันธ์กับสิ่งอื่น
🔸 คำบุพบทมักตามด้วย คำนาม เช่น in the box, under the table เป็นต้น




loader