🧠 สนุกกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กประถม
เล่ม 1 ประเภทต่างๆ ของคำในภาษาอังกฤษ เล่มที่ 2 Reading Comprehension - ฝึกอ่าน เล่มที่ 3 Dictation Test เล่มที่ 4 Dictation Test ชุดที่ 2 เล่มที่ 5 พื้นฐานไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (เล่มที่ 1) เล่มที่ 6 พื้นฐานไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (เล่มที่ 2) เล่มที่ 7 คำศัพท์เกี่ยวกับคณิตศาสตร์🌟 เรามาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษกันนะครับ 🌟
ภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่สำหรับสอบในชั้นเรียน แต่ยังเป็นทักษะสำคัญสำหรับโลกยุคใหม่
มาเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านการฝึกฝนที่สนุกสนาน เข้าใจง่าย และเหมาะกับเด็กทุกคน!
🌟 เล่มที่ 1 ประเภทต่างๆ ของคำในภาษาอังกฤษ 🌟
กรุณาเลือกปุ่มสีเหลืองปุ่มใดปุ่มหนึ่งด้านล่างเพื่อดูเนื้อหาภายใน
🟦 Verb คำกริยา

Verb (คำกริยา) คือคำที่ใช้บอกการกระทำหรือสภาวะ/เหตุการณ์
เช่น run (วิ่ง), eat (กิน), jump (กระโดด)
คำกริยาช่วยตอบคำถามว่า ใครทำอะไร
รูปของคำกริยา (tense) บอกได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เมื่อไหร่
ส่วนคำวิเศษณ์ (adverb) ที่มักวางคู่กับคำกริยา จะช่วยบอก อย่างไร (How)
- Action – การกระทำที่มองเห็นได้
run (วิ่ง), write (เขียน)- I run fast. (ฉันวิ่งเร็ว)
- She writes a note. (เธอเขียนโน้ต)
- State – สภาพหรือความรู้สึกของประธาน
be (เป็น/อยู่/คือ), feel (รู้สึก)- I am happy. (ฉันมีความสุข)
- He feels tired. (เขารู้สึกเหนื่อย)
- Event – เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
rain (ฝนตก), start (เริ่ม)- It rains. (ฝนตก)
- The game starts. (เกมเริ่ม)
แบบฝึกหัดสำหรับการท่องคำกริยา
🟩 Adjective คำคุณศัพท์

Adjective คือคำที่ใช้ขยายคำว่า noun ให้มีความหมายชัดขึ้น เช่น big, small, happy เป็นต้น
- big (ใหญ่)
- small (เล็ก)
- happy (มีความสุข)
- smart (ฉลาด)
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำคุณศัพท์
🟨 Adverb คำวิเศษณ์
คำวิเศษณ์ (Adverb) คือคำที่ทำหน้าที่ขยายคำกริยา (verb), คำคุณศัพท์ (adjective), หรือคำวิเศษณ์ (adverb) อื่น เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะอาการ (manner), เวลา (time), สถานที่ (place), ระดับความเข้มข้น (degree), หรือความถี่ (frequency) ของการกระทำหรือคุณสมบัตินั้นๆ
1. คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ (Adverbs of Manner)

🌟คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ (Adverbs of Manner) คืออะไร?
คำวิเศษณ์กลุ่มนี้จะบอก “ลักษณะ” หรือ “วิธีการ” ที่การกระทำเกิดขึ้น
มักจะตอบคำถามว่า ➡️ “อย่างไร?” (How?)
🧠 ตัวอย่างคำถาม
- เขาวิ่ง อย่างไร?
- เด็กทารกนอนหลับ อย่างไร?
- เธอยิ้ม อย่างไร?
📋 คำศัพท์ที่พบบ่อย
คำศัพท์ (Adverb) | ความหมาย | ใช้กับกริยา | ตัวอย่างประโยค | คำแปล |
---|---|---|---|---|
quickly | อย่างรวดเร็ว | runs | The rabbit runs quickly. | กระต่ายวิ่งอย่างรวดเร็ว |
slowly | อย่างช้าๆ | walks | The turtle walks slowly. | เต่าเดินอย่างช้าๆ |
happily | อย่างมีความสุข | smiles | The girl smiles happily. | เด็กผู้หญิงยิ้มอย่างมีความสุข |
sadly | อย่างเศร้า | looks | He looks at the broken toy sadly. | เขามองของเล่นที่พังอย่างเศร้า |
loudly | อย่างดัง | shouts | The boy shouts loudly. | เด็กผู้ชายตะโกนอย่างดัง |
quietly | อย่างเงียบ | sleeps | The baby sleeps quietly. | เด็กทารกนอนหลับอย่างเงียบ ๆ |
💡 เคล็ดลับสำหรับเด็ก
คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการในภาษาอังกฤษ มักเติม -ly ที่ท้ายคำ
เช่น quick → quickly, slow → slowly, happy → happily, loud → loudly เป็นต้น
🛑 แต่บางคำอาจสะกดพิเศษ เช่น
- happy → happily (เปลี่ยน y → i ก่อนเติม -ly)
⏰2. คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time) คืออะไร?
คำวิเศษณ์บอกเวลา คือคำที่ใช้เพื่อบอกว่า การกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ตอบคำถามว่า ➡️ When? = เมื่อไหร่?
🧠 ตัวอย่างคำถาม
- เธอไปโรงเรียน เมื่อไหร่?
- พวกเราเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อไหร่?
- เขาดูหนัง เมื่อวาน หรือเปล่า?
📋 คำศัพท์คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ใช้บ่อย
คำศัพท์ (Adverb) | ความหมาย | ใช้กับกริยา | ตัวอย่างประโยค | คำแปล |
---|---|---|---|---|
now | ตอนนี้ | are studying | We are studying English now. | พวกเรากำลังเรียนภาษาอังกฤษตอนนี้ |
then | ตอนนั้น | was playing | I was playing in the park then. | ฉันกำลังเล่นอยู่ในสวนสาธารณะตอนนั้น |
soon | เร็วๆ นี้ | will start | The movie will start soon. | หนังจะเริ่มเร็วๆ นี้ |
today | วันนี้ | go | I go to school today. | ฉันไปโรงเรียนวันนี้ |
yesterday | เมื่อวาน | watched | We watched cartoons yesterday. | พวกเราดูการ์ตูนเมื่อวาน |
💡 เคล็ดลับสำหรับเด็ก
🔹 คำวิเศษณ์บอกเวลา สามารถวางไว้ที่ ท้ายประโยค
เช่น: I eat lunch now.
🔸 หรือ หน้าประโยค ก็ได้ในบางกรณี
เช่น: Yesterday, I played football.
📌 คำวิเศษณ์กลุ่มนี้ช่วยให้ประโยคบอกเล่า ชัดเจน และ เข้าใจง่าย ว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
3. คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverbs of Place)
- here (ที่นี่)
Please come here.
แปล: “กรุณามาที่นี่”
ถาม “มาที่ไหน?” → “ที่นี่” - there (ที่นั่น)
The book is there.
แปล: “หนังสืออยู่ที่นั่น”
ถาม “อยู่ที่ไหน?” → “ที่นั่น” - inside (ข้างใน)
The cat is sleeping inside.
แปล: “แมวกำลังนอนหลับข้างใน”
ถาม “นอนหลับที่ไหน?” → “ข้างใน” - outside (ข้างนอก)
The children are playing outside.
แปล: “เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ข้างนอก”
ถาม “เล่นที่ไหน?” → “ข้างนอก”
ความแตกต่างระหว่าง Adverb of Place กับ Preposition
Adverb of Place | Preposition + Object | |
---|---|---|
โครงสร้าง | กริยา + คำวิเศษณ์ | กริยา + บุพบท + คำนาม/สรรพนาม |
ตัวอย่าง | She sits here. (เธอนั่งอยู่ที่นี่) |
She sits on the chair. (เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้) |
คำถามที่ตอบ | “ที่ไหน?” | “ที่ไหน?” พร้อมชื่อสถานที่ชัดเจน |
กรณีมี “to + กริยา” ตามหลัง
– forward = ทิศทาง “ไปข้างหน้า” (adverb of place)
– to greet its owner = จุดประสงค์ “เพื่อทักทายเจ้าของ”
สรุป
- Adverb of Place บอก “ที่ไหน” โดยไม่ต้องมีกรรมตามหลัง
- Preposition ต้องมีกรรม (object) ตามหลัง เพื่อบอกตำแหน่งให้ชัดเจน
- เมื่อมี to + กริยา ตามหลัง Adverb of Place ยังทำหน้าที่เดิม แต่มีวลีบอกจุดประสงค์เพิ่มเติม
She waits here to see the show.
They swim outside to enjoy the sun.
4. คำวิเศษณ์บอกระดับความเข้มข้น (Adverbs of Degree)
- very (มาก) – “The flower is very beautiful.” (ดอกไม้นั้นสวยมาก)
- quite (ค่อนข้าง) – “He is quite tall.” (เขาค่อนข้างสูง)
- too (เกินไป) – “She is too young to drive.” (หล่อนยังเด็กเกินไปที่จะขับรถ)
- so (มากจน...) – “It was so hot that I stayed inside.” (อากาศร้อนมากจนฉันอยู่ในบ้าน)
การเปรียบเทียบคำที่คล้ายกัน
- very = มาก → ใช้เน้นความรู้สึกหรือคุณสมบัติ
He is very tired. = เขาเหนื่อยมาก - quite = ค่อนข้าง → ระดับกลางๆ
She is quite clever. = เธอค่อนข้างฉลาด - too = มากเกินไป → มีความหมายด้านลบหรือไม่เหมาะสม
The bag is too heavy to carry. = กระเป๋าใบนี้หนักเกินไปที่จะถือ - so = มากมาก → มักตามด้วยคำว่า “that...” เพื่อบอกผลลัพธ์
He was so sleepy that he fell asleep in class.
= เขาง่วงมากจนเผลอหลับในห้องเรียน
สรุประดับความเข้มข้น
- quite → ระดับกลาง (positive)
- very → ระดับสูง (positive)
- so → สูงมาก และมีผลตามมา
- too → เกินไป (เชิงลบหรือมากเกินเหมาะ)
🌟5. คำวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of Frequency) คืออะไร?
คำวิเศษณ์กลุ่มนี้ใช้บอกว่า “บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน”
ภาษาอังกฤษจะตอบคำถามว่า "How often?" = บ่อยแค่ไหน?
เช่น
- เธอไปเที่ยวทะเลบ่อยไหม? (Does she go to the beach often?)
- เขากินผลไม้บ่อยไหม? (Does he eat fruit often?)
🔢 คำวิเศษณ์ที่ใช้บ่อย (เรียงตามความถี่มาก → น้อย)
- always – เสมอๆ / เป็นประจำ – 100%
- usually – โดยปกติ / ส่วนใหญ่ – 80–90%
- often – บ่อยๆ – 60–70%
- sometimes – บางครั้ง – 30–50%
- rarely – ไม่ค่อยจะ... – 10–20%
- never – ไม่เคย – 0%
📝 ตัวอย่างประโยคพร้อมคำแปล
- 1. always (เสมอๆ)
🔹 I always brush my teeth before bed.
ฉันแปรงฟัน เสมอๆ ก่อนนอน
→ ทำทุกวัน ไม่เคยพลาด - 2. usually (โดยปกติ)
🔹 He usually walks to school.
โดยปกติ เขาเดินไปโรงเรียน
→ ส่วนใหญ่ใช้วิธีเดิน บางครั้งอาจไม่ได้เดิน - 3. often (บ่อยๆ)
🔹 They often play football in the park.
พวกเขาเล่นฟุตบอลที่สวนสาธารณะ บ่อยๆ
→ อาจเป็นหลายครั้งต่อสัปดาห์ - 4. sometimes (บางครั้ง)
🔹 She sometimes eats ice cream after dinner.
บางครั้งเธอกินไอศกรีมหลังอาหารเย็น
→ ไม่กินทุกวัน แต่อาจกินเมื่ออยากกิน - 5. rarely (ไม่ค่อยจะ...)
🔹 We rarely watch TV on weekdays.
เรา ไม่ค่อยดูทีวี ในวันธรรมดา
→ อาจดูแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือน้อยมาก - 6. never (ไม่เคย)
🔹 He never tells lies.
เขา ไม่เคยโกหก
→ ซื่อสัตย์เสมอ ไม่โกหกเลย
💡 สรุปสั้นๆ สำหรับเด็ก
- ถ้าเราทำทุกวัน → ใช้ always
- ถ้าทำเกือบทุกวัน → ใช้ usually
- ถ้าทำหลายครั้ง → ใช้ often
- ถ้าทำบ้างเป็นบางครั้ง → ใช้ sometimes
- ถ้าทำน้อยมากๆ → ใช้ rarely
- ถ้าไม่เคยทำเลย → ใช้ never
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ประเภทต่าง ๆ
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 1 คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ (Adverbs of Manner)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 2 คำวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ (Adverbs of Manner)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 3 คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 4 คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 5 คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 6 คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverbs of Place)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 7 คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverbs of Place)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 8 คำวิเศษณ์บอกระดับความเข้มข้น (Adverbs of Degree)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 9 คำวิเศษณ์บอกระดับความเข้มข้น (Adverbs of Degree)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 10 คำวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of Frequency)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 11 คำวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of Frequency)
- โจทย์ทดสอบเกี่ยวกับคำวิเศษณ์ ชุดที่ 12 คำวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of Frequency)
🟥 Noun คำนาม

✅ การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (Singular to Plural Nouns)
🌟 1. คำนามที่เติม -s หรือ -es (Regular Plural Nouns)
คำนามส่วนใหญ่สามารถเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ได้ง่าย ๆ โดยการเติม -s ที่ท้ายคำ เช่น:
- cat → cats (แมว → แมวหลายตัว)
- dog → dogs (หมา → หมาหลายตัว)
- car → cars (รถ → รถหลายคัน)
หากคำลงท้ายด้วย ch, sh, s, x, z ให้เติม -es เช่น:
- watch → watches (นาฬิกา → นาฬิกาหลายเรือน)
- branch → branches (กิ่งไม้ → กิ่งไม้หลายกิ่ง)
- quiz → quizzes (แบบทดสอบ → แบบทดสอบหลายข้อ)
- box → boxes (กล่อง → กล่องหลายใบ)
- dish → dishes (จาน → จานหลายใบ)
📦 กฎการเติม -es เมื่อคำลงท้ายด้วย o
หากคำลงท้ายด้วย o และเป็นสิ่งของหรือสิ่งไม่มีชีวิต ให้เติม -es เช่น:
- tomato → tomatoes
- potato → potatoes
- mango → mangoes
แต่มีบางคำที่ลงท้ายด้วย o และเติม -s เช่น:
- zoo → zoos
- piano → pianos
- photo → photos
📦 กฎการเติม -s หรือ -es เมื่อคำลงท้ายด้วย y
หาก y หน้าเป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i และเติม -es เช่น:
- baby → babies
- lady → ladies
หาก y หน้าเป็นสระ ให้เติม -s ได้เลย เช่น:
- toy → toys
- key → keys
🌟 2. คำนามที่ไม่เติม -s หรือ -es (Irregular Plural Nouns)
คำนามบางคำไม่สามารถเติม -s หรือ -es ได้ แต่ต้องเปลี่ยนรูป เช่น:
- man → men
- woman → women
- child → children
- tooth → teeth
- foot → feet
- mouse → mice
🌟 3. คำนามที่รูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน
คำเหล่านี้ไม่ต้องเปลี่ยนรูป เช่น:
- sheep → sheep
- fish → fish
- deer → deer
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำนาม
สำหรับแบบฝึกหัดเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ชุดที่ 1 ถึงชุดที่ 6นั้น โจทย์จะแสดงคำนามเอกพจน์ แล้วให้เด็ก ๆเติมคำพหูพจน์ที่ถูกต้องลงในช่องว่าง
- เปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 1
- เปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 2
- เปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 3
- เปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 4
- เปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 5
- เปลี่ยนคำนามเอกพจน์ ไปเป็นคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 6
- บททดสอบเกี่ยวคำนามเอกพจน์ และคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 7
- บททดสอบเกี่ยวคำนามเอกพจน์ และคำนามพหูพจน์ ชุดที่ 8
🟪 Pronoun คำสรรพนาม

Pronoun (คำสรรพนาม) คือคำที่ใช้แทน Noun (คำนาม)
เพื่อไม่ต้องพูดชื่อซ้ำ ๆ ทำให้ประโยคสั้น กระชับ และฟังง่าย
Pronoun หลักที่ควรรู้
- I (ฉัน/ผม) – พูดแทนตัวเราเอง
- you (คุณ/เธอ) – เอกพจน์ พูดกับคนเดียว
- he (เขา – ผู้ชาย)
- she (เธอ – ผู้หญิง)
- it (มัน) – แทนสัตว์หรือสิ่งของ
- you (พวกคุณ) – พหูพจน์ พูดกับหลายคน
- we (พวกเรา) – ตัวเรา + เพื่อน
- they (พวกเขา/พวกมัน) – คนหรือสิ่งของหลายอย่าง
ประโยคตัวอย่างง่าย ๆ
- I like apples. (ฉันชอบแอปเปิล)
- She is my sister. (เธอเป็นพี่สาวของฉัน)
- Tom is tired. He needs a rest. (ทอมเหนื่อย เขาต้องพัก)
- Mom calls us. (แม่เรียกพวกเรา)
จำง่าย ๆ: ใช้ Pronoun แทนชื่อซ้ำ ๆ เช่น “Lisa is kind. She helps me.” จะได้ไม่ต้องพูดชื่อ Lisa อีกครั้งครับ!
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Pronoun
🟫 Preposition บุพบท

📍 คำบุพบท (Prepositions) คืออะไร?
คำบุพบท คือคำที่ใช้เพื่อบอกว่า
- สิ่งของอยู่ตรงไหน
- เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่
- หรือสิ่งต่างๆ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
คำบุพบทมักอยู่หน้า คำนาม หรือ สรรพนาม และใช้บอกตำแหน่ง / เวลา / ความสัมพันธ์
🧠 ตัวอย่างการใช้คำบุพบท
- ลูกบอลอยู่ ใน กล่อง
- แมวอยู่ ใต้ โต๊ะใช่ไหม?
- คุณไปโรงเรียน เมื่อไหร่?
📦 ตารางคำบุพบทที่พบบ่อย
คำ (Preposition) | ความหมาย | ตัวอย่างประโยค | คำแปล |
---|---|---|---|
in | ใน | The ball is in the box. | ลูกบอลอยู่ในกล่อง |
on | บน | The book is on the table. | หนังสืออยู่บนโต๊ะ |
under | ใต้ | The cat is under the chair. | แมวอยู่ใต้เก้าอี้ |
next to | ข้างๆ | I sit next to my friend. | ฉันนั่งข้างๆ เพื่อน |
behind | ข้างหลัง | The dog is behind the door. | สุนัขอยู่ข้างหลังประตู |
in front of | ข้างหน้า | She stands in front of the class. | เธอยืนอยู่หน้าห้อง |
above | เหนือ (ไม่สัมผัสพื้นผิว) | The clock is above the door. | นาฬิกาอยู่เหนือประตู |
between | ระหว่าง (ใช้กับ 2 สิ่งเท่านั้น) | The cat is between two boxes. | แมวอยู่ระหว่างกล่องสองกล่อง |
at | ที่ / เวลา | We meet at 8 o’clock. | เราเจอกันตอน 8 โมง |
🔍 ข้อสังเกตน่ารู้
- on = บนแบบสัมผัส เช่น หนังสือวางอยู่บนโต๊ะ
- above = อยู่ข้างบนแต่ไม่แตะ เช่น โคมไฟแขวนเหนือโต๊ะ
- between = ระหว่างของ 2 สิ่ง (แต่ถ้ามากกว่า 2 ใช้ among)
💡 เคล็ดลับจำง่ายสำหรับเด็ก
🔸 คำว่า in, on, under ใช้บอกตำแหน่งของสิ่งของ
🔸 คำว่า at ใช้บอกเวลา หรือสถานที่
🔸 คำว่า above, behind, next to, between ใช้บอกความสัมพันธ์กับสิ่งอื่น
🔸 คำบุพบทมักตามด้วย คำนาม เช่น in the box, under the table เป็นต้น
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับPrepositionหรือคำบุพบท